หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ใบความรู้ที่ 25 ลักษณะและประเภทของกฏหมาย

ใบความรู้ที่ 25 ลักษณะและประเภทของกฏหมาย


ใบความรู้ที่ 25  
ลักษณะและประเภทของกฏหมาย

ลักษณะของกฎหมาย
กฎหมายโดยทั่วไปจะมีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้
1. กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับ คือ ต้องเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับให้ประชาชนพลเมืองกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
2. กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดขึ้นโดยผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ  การที่เราทราบว่าใครมีอำนาจสูงสุดในประเทศต้องดูจากระบอบการปกครองของประเทศนั้นว่ามีการปกครองในระบอบใด หรือปกครองโดยใคร คำสั่งหรือข้อบังคับที่มาจากผู้มีอำนาจย่อมเป็นกฎหมาย
3. กฎหมายจะต้องเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับที่ใช้ได้ทั่วไป  โดยทั่วไปกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับนั้นต้องมีการประกาศให้ทุกคนทราบเสียก่อน สำหรับกฎหมายไทยจะประกาศทางหนังสือของราชการที่เรียกว่าราชกิจจานุเบกษา  กฎหมายเมื่อถูกใช้บังคับแล้วย่อมมีผลบังคับได้โดยทั่วไป คือใช้บังคับแก่บุคคลทุกคนไม่บังคับเฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น
4. กฎหมายต้องมีสภาพบังคับแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ทั้งนี้เมื่อกฎหมายได้ประกาศใช้แล้ว จะต้องมีสภาพบังคับแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามถ้าหากไม่มีสภาพบังคับแล้วก็ไม่ใช่กฎหมาย



ประเภทของกฎหมายจำแนกตามขอบเขตของการใช้ มี 2 ประเภท คือ
1. กฎหมายระหว่างประเทศ คือ กฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ แผนกคดีเมือง แผนกคดีบุคคล และแผนกคดีอาญา
2. กฎหมายภายในประเทศ คือ กฎหมายที่ใช้บังคับภายในรัฐต่อบุคคลทุกคนที่อาศัยอยู่ในรัฐนั้นเป็นกฎหมายที่เกิดจากอธิปไตยของรัฐนั้น จำแนกได้ 2 ประเภท
  กฎหมายเอกชน  บัญญัติเกี่ยวกับความสำคัญระหว่างบุคคลกับบุคคล แบ่งออกได้ดังนี้
   1. กฎหมายแพ่ง  บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของประชาชน
2. กฎหมายพาณิชย์  กำหนดความสัมพันธ์ของบุคคลที่ทำธุรกิจการค้า
  3. กฎหมายพิจารณาความแพ่ง  เป็นกฎหมายว่าด้วยข้อบังคับที่ใช้ในการดำเนินคดีความแพ่ง ซึ่งผู้พิพากษาจะต้องนำมาใช้เป็นเกณฑ์ตัดสิน
   กฎหมายมหาชน  เป็นกฎหมายที่รัฐเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคู่กรณีกับเอกชนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้บังคับใช้แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
   1. กฎหมายรัฐธรรมนูญ  เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศจะกำหนดรูปแบบการปกครองของรัฐ การใช้อำนาจอธิปไตยและอื่น ๆไว้ ซึ่งกฎหมายอื่นจะมาขัดแย้งมิได้
   2. กฎหมายการปกครอง  เป็นกฎหมายที่ขยายความให้ละเอียดจากรัฐธรรมนูญ
   3. กฎหมายอาญา  เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องทางอาญา เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และรักษาศีลธรรมอันดีงามของประชาชน
   4. กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  เป็นกฎหมายที่กำหนดรายละเอียด วิธีพิจารณาความคดีอาญาในศาล
   5. กฎหมายเกี่ยวกับภาษี เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความผิดทางภาษี




ประเภทของกฎหมายจำแนกตามองค์กรที่จัดทำกฎหมาย
1. กฎหมายที่จัดทำโดยองค์กรพิเศษ  ได้แก่  รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ จัดร่างโดยองค์กรพิเศษที่ตั้งขึ้นโดยเฉพาะ
2. กฎหมายที่จัดทำโดยนิติบัญญัติ  ได้แก่ พระราชบัญญัติเป็นกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามตำแนะนำ และยินยอมของรัฐสภาและมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายในพระราชกิจจานุเบกษา
3. กฎหมายที่จัดทำโดยองค์กรฝ่ายบริหาร
       1.  พระราชกำหนด  เป็นกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีและมีผลบังคับใช้เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาออกในสถานการณ์ฉุกเฉิน
       2. พระราชกฤษฎีกา  เป็นกฎหมายที่พระมหากษัตรยิ์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีเพื่อขยายรายละเอียดตามที่พระราชบัญญัติหรือรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
      3.  กฎกระทรวง  คือ กฎหมายซึ่งรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติจัดทำขึ้นเพื่อกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่พระราชบัญญัติให้อำนาจไว้
       4.  กฎหมายที่จัดทำโดยองค์การส่วนท้องถิ่น  กฎหมายประเภทนี้เป็นกฎหมายที่มีฐานะต่ำกว่ากฎหมายพระราชบัญญัติ และผลบังคับใช้เฉพาะในองค์กรส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ มิได้ใช้บังคับทั่วประเทศ

ประเภทของกฎหมายที่จัดตามบทบาทของกฎหมาย
1. กฎหมายสารบัญญัติ  เป็นกฎหมายซึ่งกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบุคคลตามกฎหมาย โดยบัญญัติว่าการกระทำใดเป็นความผิด หรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษทางอาญาหรือแพ่งแล้วแต่กรณี กฎหมายสารบัญญัติเป็นกฎหมายที่กำหนดแต่เนื้อหาของกฎหมายล้วนๆ
2. กฎหมายวิธีบัญญัติ  เป็นกฎหมายที่ใช้ประกอบกับกฎหมายสารบัญญัติ หรือกำหนดวิธีบังคับให้เป็นไปตามสิทธิ หน้าที่หรือกฎหมายที่กำหนดไว้ในกฎหมายสารบัญญัติ โดยต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น