หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ใบความรู้ที่ 38 กฏหมายแพ่ง

ใบความรู้ที่ 38 กฏหมายแพ่ง

ใบความรู้ที่ 38
กฏหมายแพ่ง

กฏหมายแพ่ง
   คำว่าแพ่ง ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.2525 ได้ให้ความหมายไว้ว่าเกี่ยวกับ เอกชน กฎหมายแพ่งจึงเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับเอกชน หรือคนแต่ละคน ทั้งเมื่ออยู่ตามลำพังและเมื่อติดต่อกับผู้อื่นเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน นิติกรรม สัญญาต่าง ๆ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนทุกคน จำเป็นต้องมีความรู้ที่ถูกต้องเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ครบถ้วน
   กฎหมายแพ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน  
กฎหมายแพ่ง คือ ระเบียบ กฎเกณฑ์กับส่วนเอกชนและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้านสถานภาพ สิทธิและหน้าที่ เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับทรัพย์สิน ครอบครัว มรดก นิติกรรม เป็นต้น
  ประเภทของทรัพย์สิน ทรัพย์สินที่สำคัญมี 2 ประเภท คือ สังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์เคลื่อนที่ได้และอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น ที่ดิน ทรัพย์ที่ติดอยู่กับดิน เช่น สิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น

   สิทธิในทรัพย์สิน  
สิทธิในทรัพย์สิน คือ ประโยชน์ที่บุคคลจะพึงมิพึงได้ในทรัพย์สินนั้น แม้จะไม่มีรูปร่าง แต่ก็อาจมีราคาและยึดถือเอาได้ สิทธิในทรัพย์สินที่สำคัญที่สุด ได้แก่ กรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใด ผู้นั้นย่อมมีสิทธิครอบครอง จำหน่าย จ่ายแจก หรือได้ดอกผลจากทรัพย์สินนั้นหรือแม้กระทั่งการทำลายทรัพย์สินนั้นตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ การได้มาซึ่งสิทธิในทรัพย์สินมี 2 ประการ คือ ได้มาโดยกฎหมายและได้มาโดยนิติกรรมและสัญญา
1. การได้สิทธิโดยกฎหมาย คือ การได้มาตามบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น การโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ที่กฎหมายปรับปรุง
2. การได้สิทธิมาโดยนิติกรรมและสัญญาเป็นการได้สิทธิตามข้อตกลง หรือการทำสัญญา เช่นสิทธิในการรับทรัพย์สินเป็นมรดกตกทอดตามพินัยกรรม สิทธิ ในทรัพย์สินตามสัญญาซื้อขาย สิทธิในผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าทรัพย์ เป็นต้น
3. การใช้สิทธิในทางแพ่ง การถือสิทธิในทางแพ่งต่างกับการใช้สิทธิในทางแพ่ง กล่าวคือ บุคคลธรรมดาทุกคนตั้งแต่เกิดมามีชีวิตรอดยู่ มีสภาพเป็นบุคคลตามกฎหมาย ก็ย่อมมีความสามารถที่จะถือสิทธิเช่น การมีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือการมีสิทธิในร่างกายในชีวิตของเรา โดยไม่ถูกจำกัดเรื่องอายุ เพศ ศาสนา การศึกษา สติปัญญา สิ่งเหล่านี้ไม่มีผลกระทบกระเทือนในการถือสิทธิแต่อย่างใด เมื่อถือสิทธิแล้วจะใช้สิทธินั้นได้เพียงใดย่อมต้องเป็นไปตามกฎหมาย
4. นิติกรรม หมายถึง การใด ๆ อันทำลงไปโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัครมุ่งโดยตรง ต่อการผูกสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อการเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิองค์ประกอบนิติกรรม นิติกรรมจะต้องเกิดจากการกระทำของบุคคลและประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
  1. ต้องมีการแสดงเจตนาของบุคคล หมายความว่า บุคคลนั้นกระทำสิ่งใดลงไปเพื่อต้องการผลอย่างใดอย่างหนึ่งทางกฎหมาย หรือมีความประสงค์ที่จะก่อความสัมพันธ์ขึ้นตามกฎหมาย เช่น การทำสัญญาเป็นต้น
  2. จะต้องเป็นการกระทำด้วยความสมัครใจ กล่าวคือ เมื่อมีการแสดงเจตนากระทำแล้ว การกระทำนั้นต้องกระทำด้วยความสมัครใจอีกด้วย
  3. ต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ผลของนิติกรรมนั้นกฎหมายยอมรับในการคุ้มคารองและบังคับบัญชาให้เกิดผลตามทีเจตนากระทำ ฉะนั้นการกระทำดังกล่าว จึงจะต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น