หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ใบความรู้ที่ 26 กระบวนการในการตรากฏหมาย

ใบความรู้ที่ 26 กระบวนการในการตรากฏหมาย


ใบความรู้ที่ 26
กระบวนการในการตรากฏหมาย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550  บัญญัติไว้ดังนี้
1. ผู้มีสิทธิเสนอกฎหมาย มาตรา 63 บัญญัติไว้ว่า ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10,000 คน เป็นผู้มีสิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
   1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย บุคคลที่แปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
   2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1  มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง
   3. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง

2.  ขั้นตอนการตรากฎหมาย  การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10,000 คน ร่วมกันเข้าชื่อเสนอมี 3 วาระ ดังนี้
วาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ  สภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้พิจารราและลงมติว่าจะรับหรือไม่รับหลักการโดยมีการอภิปรายของสมาชิกอย่างกว้างขวาง ประธานสภาพจะเปิดโอกาสให้ผู้เสนอร่างชี้แจงหลักการของร่างพระราชบัญญัติในการประชุม เมื่อสภาลงมติรับร่างพระราชบัญญัตินั้นก็เข้าสู่การพิจารณาในลำดับต่อไป แต่ถ้ามีมติไม่รับร่างพระราชบัญญัตินั้นก็จะตกไป
วาระที่ 2 การพิจารณาในรายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติ  จะทำในรูปแบบคณะกรรมการเต็มสภาคือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนทำหน้าที่กรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายนั้น หรือจะทำในรูปของคณะกรรมาธิการที่สภาแต่งตั้งจะแต่งตั้งจากสมาชิกบางคนเข้ามาเป็นกรรมาธิการ เพื่อศึกษากฎหมายแล้วจึงนำเสนอต่อสภา เพื่อให้พิจารณาต่อไป โดยสมาชิกจะมีการพิจารณากว้างขวาง
วาระที่ 3  ขั้นการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ในกรณีที่มีมติเห็นชอบประธานสภาผู้แทนราษฎรจะส่งร่างพระราชบัญญัตินั้นให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป
    การพิจารณาในวุฒิสภาจะทำเป็น 3 วาระเช่นเดียวกับการพิจารณาของสภาพผู้แทนราษฎร แต่มีระยะเวลากำหนดที่ชัดเจน โดยจะต้องพิจารณาให้เห็นแล้วเสร็จภายในหกสิบวัน แต่ถ้าวุฒิสภาพิจารณาไม่ทันตามกำหนดถือว่าวุฒิสภาพได้ให้ความเห็นชอบ โดยถ้าพิจารณาเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีนำร่างกฎหมายนั้นขึ้นทูลเกล้าพระมหากษัตริย์เพื่อลงพระลงปรมาภิไธยและประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป แต่ถ้าวุฒิสภาลงมติไม่เห็นชอบให้ส่งร่างพระราชบัญญัตินั้นคืนไปยังสภาพผู้แทนราษฎรเพื่อไปแก้ไขต่อไป ในเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันเมื่อพ้นแล้ว และถ้าสภาผู้แทนราษฎรลงมติยืนยันร่างเดิมด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น